ข้าวซอยไก่ (https://arich88.life/)
อาจกล่าวได้ว่าเป็นอาหารเหนือที่ขึ้นชื่อที่สุด เส้นข้าวซอยราดแกงกะทิ (https://arich88.life/) ใส่น่องไก่ โรยด้วยหมี่กรอบ กินคู่กับหอมแดงซอย พริกป่นผัดน้ำมัน (https://arich88.life/) หรือจะบีบมะนาวเพิ่มความสดชื่นด้วยก็ได้ เป็นอาหารที่ใคร ๆ ก็เข้าถึงได้ และยังมีแบบอิสลามที่ใช้เนื้อวัว (https://arich88.life/)หรือแกะแทนน่องไก่อีกด้วย
แกงโฮะ (https://arich88.life/)
"โฮะ" ในภาษาเหนือแปลว่ารวม ดังนั้น จานนี้คือการนำอาหารเหลือหลาย ๆ อย่างมารวมกัน น้ำแกงที่เหลือ (ปกติมักเป็นแกงฮังเล) นำมาผัดกับวุ้นเส้น ใบมะกรูด หน่อไม้ดอง ตะไคร้ (https://arich88.life/)และเนื้อหมู (https://arich88.life/) ดูแห้ง ๆ แต่รสแรง ในปัจจุบัน แกงโฮะอาจจะไม่ได้ทำจากของเหลืออีกต่อไป แต่ใช้ของสดใหม่เพื่อคุณค่าทางโภชนาการที่ไม่สูญหาย
ลาบดิบ (https://arich88.life/)
เรียกได้ว่าเป็น Carpaccio หรือ Tartare (https://arich88.life/) เนื้อแบบไทย arich88 (https://[url=https://arich88.life/register).life/]นิยมรับประทานทั้งในภาคเหนือ[/url]และอีสาน (https://arich88.life/) ส่วนผสม-ของลาบดิบคล้ายคลึงกับลาบ มีทั้งพริกลาบ สะระแหน่ และน้ำปลา (https://arich88.life/) สิ่งที่ต่างคือเนื้อที่ใช้จะเป็นเนื้อดิบที่บดหรือสับ แถมยังมีเครื่องในและเลือดด้วย จานนี้ควรรับประทานตามร้านอาหารที่ถูกสุขลักษณะอนามัยเท่านั้น ถ้าเนื้อดิบไม่ใช่ปัญหา (https://arich88.life/)ลองมาเปลี่ยนบรรยากาศดูกัน
แกงฮังเล (https://arich88.life/)
เมนูนี้มักทำเลี้ยงระหว่างเทศกาลงานฉลองต่าง ๆ เช่น งานแต่ง งานขึ้นบ้านใหม่ (https://arich88.life/) ตำนานกล่าวว่าแกงฮังเลมีต้นกำเนิดจากพม่า เพื่อนบ้านของไทยและอินเดีย (https://arich88.life/) ซึ่งก็พอจะช่วยให้เข้าใจได้ว่า ทำไมผงแกงฮังเล (https://arich88.life/)ถึงมีส่วนผสมใกล้เคียงกับผงมาซาลา (masala) หลังจากคลุกเคล้าเนื้อหมูและเครื่องเทศให้เข้ากันดี (https://arich88.life/)แล้ว ให้นำไปเคี่ยวอย่างน้อย 40 นาที ตัวแกงจะเริ่มส่งกลิ่นหอมของเครื่องเทศและสมุนไพร (https://arich88.life/) ทั้งมะขาม ขิง และกระเทียมดอง แม้ไม่มีกะทิแต่ก็เข้มมันจนบางสูตรใส่สับปะรดลงไปด้วยเพื่อตัดเลี่ยน